Ford Kuga ตัวลุยรุ่นใหม่เพื่อคนยุโรป
 
       ดูเหมือนว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ตื่นตัวกับการขยายตัวของตลาดเอสยูวีคอมแพ็กต์ในบ้านตัวเองกันมากขึ้น เพราะถ้าลองนั่งนับดูแล้วเกือบทุกค่ายขานรับกับตลาดกลุ่มนี้ด้วยทางเลือกใหม่ๆ กันทั้งนั้น เช่น โอเปิล แอนทารา, เปอโยต์ 4007, ซีตรอง ซี-ครอสเซอร์, โฟล์คสวาเกน ทิกวน และล่าสุดฟอร์ด ยุโรปกับทางเลือกใหม่อย่างคูก้า

       การเปิดตัวของคูก้าถือว่าเป็นการปรับปรุงโครงสร้างในสการทำตลาดเอสยูวีของฟอร์ด เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาเอสยูวีใหม่ขึ้นมาเพื่อตลาดกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอนว่าคูกาได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับโฟกัสที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ส่วนชื่อรุ่นหลายคนบอกว่าน่าจะหาได้ดีกว่านี้ เพราะว่าดันไปพ้องเสียงอ่านกับรถสปอร์ตขนาดกลางที่พัฒนาบนพื้นฐานของมอนเดโออย่างคูการ์ (Cougar) ที่ขายอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ก่อนถูกโล๊ะออกจากตลาด

       คูกาเปิดตัวครั้งแรกในฐานะรถยนต์ต้นแบบในชื่อไอโอซิส เอ็กซ์ในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2006 ก่อนที่จะมีการพัฒนาตัวรถให้กลายเป็นรุ่นจำหน่ายจริงและเปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
      
       ตัวรถพัฒนาบนพื้นตัวถังรหัส C1 เช่นเดียวกับโฟกัสและรถยนต์ของบริษัทในเครือฟอร์ด เช่น มาสด้า 3 วอลโว่ เอส40/วี50/ซี30 ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ด้วยอิทธิพลของแนวคิดในการสร้างสรรค์รูปลักษณ์ในแบบ Kinetic Design เช่นเดียวกับมอนเดโอ, กาแล็กซี่ และเอส-แม็กซ์

       ในเรื่องของรายละเอียดทางด้านมิติตัวถัง ทางฟอร์ดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาให้รับทราบ แต่ที่แน่ๆ คูก้าจะมีทางเลือหนึ่งในการทำตลาดด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบคอมมอนเรลในตระกูล Duratorq แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี 136 แรงม้า ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับของโฟกัสที่มีข่าวว่าจะนำเข้ามาเปิดตัวในไทยด้วย โดยที่ระบบส่งกำลังจะจับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้า 6 จังหวะในชื่อ Durashift พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาให้มีการกระจายแรงบิดสู่เพลาขับหน้าและหลังอย่างได้สมดุลตามสภาพเส้นทาง

       สำหรับการทำตลาดจะมีขึ้นในยุโรปช่วงต้นปีหน้า ส่วนเรื่องที่ว่าคูก้าจะกลายเป็นตัวแทนที่เข้ามาแทนที่เอสเคปในการทำตลาดเอสยูวีภูมิภาคอื่นของโลก (ยกเว้นอเมริกาเหนือ) หรือไม่นั้นยังไม่มี่คำตอบที่ชัดเจนออกมาในตอนนี้ แต่ถ้าเป็นจริงเมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ที่เห็นอยู่ในภาพ ก็น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับแฟนๆ ของฟอร์ดไม่ใช่หรือ?