ปิด(x)



กรอก Email ของท่านเพื่อรับ
ข่าวสารและโปรโมชั่นก่อนใคร !

สเกิร์ต ชุดแต่งรถ ชุดแต่งรอบคัน สินค้าประดับยนต์ ร้านแต่งรถ อุปกรณ์แต่งรถ ประดับยนต์

HOME Product My Account Shopping Cart Contact Us Community Site Map
ค้นหา   สินค้า: รถ:
รุ่น:
สินค้า:
โปรโมชั่นประจำเดือน
   สินค้า
แสดงสินค้าตามยี่ห้อรถ
Import Zone (ทั่วโลก)
คอร์สสอน-บริการติดตั้ง
สติกเกอร์ และ Logo
อุปกรณ์ดูแลรักษารถยนต์
อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน
อุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ
อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพ
เกจ์วัด-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
เครื่องเสียง
เสื้อ-หมวก racing
โคมไฟ - หลอดไฟ - Xenon
วิธีการสั่งซื้อ
การจัดส่งสินค้า
การรับประกันสินค้า
Webboard
FAQ
About Us
Dealer & Partner

   รับข่าวสาร e-News
 



























ข่าวสารและกิจกรรม
Godzilla กลับมาแล้วในร่าง Nissan GT-R

 
       สิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับคอรถสปอร์ตญี่ปุ่นกับการกลับมาของรหัสร้อน จีที-อาร์ ที่คราวนี้ไม่ได้ถูกห้อยพ่วงท้ายอยู่หลังชื่อสกายไลน์เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา แต่ก่อกำเนิดเป็นสายพันธุ์ใหม่และได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานใหม่ พร้อมกับแนวคิดใหม่ในการเป็น Global Sport Car สำหรับขายทั่วโลกไม่ได้หมกตัวอยู่เฉพาะในญี่ปุ่น เพื่อประชันกับตัวแรงจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยพุ่งเป้าไปที่พอร์ช 911 และเชฟโรเลต คอร์เว็ต ซี6

       อย่างที่ทราบกันดีว่ารหัสจีที-อาร์ หรือย่อมาจาก Gran Turismo Racer ถูกต่อท้ายชื่อของสกายไลน์มาตั้งแต่รุ่น PGC-10 ที่เปิดตัวในปี 1969 พร้อมกับชื่อเล่นที่เรียกว่าฮาโกซึกะ (Hakosuka) ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะสูงสุดของสายพันธุ์นี้ ก่อนที่นิสสันจะยกเลิกในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 โดยใช้รหัส GT-ES มาทำหน้าที่แทน
 
       จากนั้นจีที-อาร์กลับมาโด่งดังอีกครั้งเมื่อนิสสันปัดฝุ่นนำรหัสนี้มาใช้กับสกายไลน์รหัสตัวถัง R32 และเปิดตัวในปี 1989 ซึ่งทางนิตยสาร Wheel ที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลียถึงกับยกย่องถึงความแรง สมรรถนะ และการบังคับควบคุมรถที่เทียบชั้นกับพอร์ช 911 หรือแม้แต่เฟอร์รารี่ เทสทารอสซ่า ก่อนที่จะให้ฉายาว่า ‘Godzilla’ ซึ่งเป็นชื่อที่ทราบและได้รับการยอมรับกันดีในหมู่นักเลงรถสปอร์ตญี่ปุ่น
      
       อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพบริษัทที่ประสบปัญหาขาดทุนสะสมจนทำให้เรโนลต์ต้องส่งคาร์ลอส กอนส์เข้ามาแก้สถานการณ์ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับสายพันธุ์สกายไลน์ เพราะว่ารถยนต์ขนาดกลางรุ่นนี้ถูกปรับปรุงให้เป็นรถยนต์สำหรับขายทั่วโลก และนั่นก็รวมถึงการจบยุคของจีที-อาร์อีกครั้งเมื่อรุ่น R34 หมดอายุตลาดในช่วงปี 2002

       แต่นั่นไม่ได้ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของสปอร์ตรุ่นนี้ แต่เป็นการบ่งบอกว่าจีที-อาร์กำลังจะเกิดใหม่โดยที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับสกายไลน์อีกแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้ในปี 2001 นิสสันเผยโฉมสปอร์ตต้นแบบที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนของจีที-อาร์ออกมาในชื่อจีที-อาร์ โพรโต โดยไม่มีคำว่าสกายไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย และต้นแบบรุ่นนี้ก็ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุก 2 ปีที่มีโตเกียว มอเตอร์โชว์ ก่อนที่คันจริงพร้อมจำหน่ายจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเดียวกันนี้เมื่อปี 2007 และถือเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานความแรงบทใหม่
 
       จีที-อาร์ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานใหม่โดยตัวรถใช้เลย์เอาท์แบบเครื่องยนต์วางด้านหน้าใช้รหัสนับต่อไปจาก R34 คือ CBA-R35 ส่วนรูปทรงเป็นแบบสปอร์ตคูเป้ 4 ที่นั่งที่มีความยาว 4,655 มิลลิเมตร กว้าง 1,895 มิลลิเมตร สูง 1,370 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,780 มิลลิเมตร ตัวรถมีน้ำหนักรวม 1,740 กิโลกรัมถือว่าหนักพอสมควรเหมือนกันเมื่อพิจารณาในเชิงที่ว่านิสสันนำทั้งอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถัง

       ด้วยเหตุที่ว่าจีที-อาร์ใหม่คือโปรเจ็กต์ที่คลอดออกมาเพื่อคอรถสปอร์ตทั่วโลก ไม่เฉพาะคนญี่ปุ่นเท่านั้นรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบอย่างสวยล้ำสมัย แต่ก็คงเอกลักษณ์บางอย่าง โดยเฉพาะไฟท้ายดวงกลมคู่แบบโดนัท ขณะที่รูปทรงโดยรวมเอื้อประโยชน์ในเรื่องของการสร้างแรงกดและมีความเพรียวลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ (ค่าสัมประสิทธิเพียง 0.27) เพื่อให้การตอบสนองต่อสมรรถนะมีความสัมพันธ์กัน และมีประโยชน์สูงสุด รวมถึงผ่านการทดสอบในระดับความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงมาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเมื่อครั้งที่นำออกทดสอบในสนามฝั่งเหนือของนูร์บูร์กริง ประเทศเยอรมนี จีที-อาร์ใช้เวลาต่อรอบเพียง 7 นาที 38 วินาที (1 รอบเกือบ 20 กิโลเมตร) เหนือกว่าตัวเลขที่พอร์ช 911 เทอร์โบรุ่นใหม่ทำได้เสียอีก

       เครื่องยนต์เป็นรหัสใหม่ VR38DETT มาแทนที่รหัส RB26DETT ที่แฟนๆ จีที-อาร์คุ้นเคยตั้งแต่ยุคของ R32-R34 เป็นบล็อกวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,800 ซีซีจับคู่กับเทอร์โบคู่ของ IHI รีดกำลังออกมาได้ 480 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 กก.-ม. ที่ 3,200-5,200 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ในไลน์ผลิตที่แรงที่สุดเท่าที่นิสสันเคยผลิตออกสู่ตลาดเลยทีเดียว

       ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลาและส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา คลัตช์ไฟฟ้าแบบคู่เหมือนกับระบบ DSG ของโฟล์คสวาเกน เพื่อให้ความสะดวกในการขับไม่ต่างจากเกียร์อัตโนมัติ แต่ถ่ายทอดกำลังแบบรวดเร็วและทันใจไม่ต่างจากเกียร์ธรรมดา ใช้เวลาเพียง 3.6 วินาทีในการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่นั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับตัวเลขความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจากการทดสอบตามโหมด 10-15 ของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจีที-อาร์มีตัวเลขอยู่ที่ 8.2 กิโลเมตร/ลิตรเท่านั้น
     
       รองรับสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ เสริมด้วยดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อสำหรับสยบม้าฝูงโต และมีล้อขนาด 20 นิ้วมาจากโรงงาน ด้านหน้าใช้ยางขนาด 255/40ZRF20 และด้านหลังขนาด 285/35ZRF20
      
       จีที-อาร์จะทำตลาดภายใต้ชื่อของนิสสันเพียงอย่างเดียว ไม่มีแปะแบรนด์อินฟินิตี้เหมือนรถยนต์บางรุ่นของนิสสันเวลาที่โกอินเตอร์ออกมาขายในตลาดต่างแดน โดยต่อจากญี่ปุ่นแล้ว จะเริ่มทยอยเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ส่วนฐานการผลิตมีอยู่ที่เดียวคือโรงงานในโตชิกิ ประเทศญี่ปุ่น ส่วนค่าตัวในแดนปลาดิบอยู่ที่ 7,770,000-8,347,500 เยน หรือ 2.3-2.5 ล้านบาท
       ส่วนสาวกจีที-อาร์ของไทยคงต้องถาม สยามนิสสัน ออโตโมบิล ว่า..... ใจเปล่า?
 


ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
สินค้าแนะนำ

ชายบันได Altis 2014

สเกิร์ตหน้า Benz W204 C63 AMG Black Series Carbon

สปอยเลอร์ Sonic รุ่น 4 ประตู ทรงยกสูง PP

ค้ำหลังล่าง Vios 2013, Yaris 2014 (2 จุด)

ครอบไฟท้าย Yaris 2014 โครเมียม

หูลาก Vios 2013



ตรวจสอบสถานะ
EMS และ ไปรษณีย์ลงทะเบียน
ภายหลังฝากส่ง 24 ชั่วโมง



ตัวอย่าง  EA473124280TH



Copyright 2024© NEKKETSU racing club thailand. All rights reserved.