|
|
|
|
Lamborghini Reventon แปลงโฉมกระทิงอัพราคาสู่หลักล้าน
นอกจากจะขายรุ่นธรรมดาแล้ว ดูเหมือนว่าทางลัมบอร์กินีพยายามจะอัพเกรดแบรนด์ตัวเองให้มีสีสันเหมือนกับที่คู่ปรับอย่างเฟอร์รารี่ และมาเซราติทำ แต่ครั้นจะเลียนแบบด้วยการทำเป็น โปรเจ็กต์ที่เชิญชวนเศรษฐีมาเสียเงินเพื่อเป็นนักขับทดสอบเหมือนกับทั้ง 2 ค่ายก็ดูจะเล่นกันง่ายไปหน่อย ทางค่ายกระทิงดุก็เลยปรับกลยุทธ์เล็กน้อย ก่อนที่จะคลอดกระทิงรุ่นใหม่ที่ขึ้นชื่อว่า มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตัวเองออกมาทำตลาด
ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้มีชื่อว่าเรเวนตัน (Reventon) มีค่าตัวสุทธิอยู่ที่ 1 ล้านยูโร หรือ 45 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีของไทย) ซึ่งทางลัมบอร์กินีนำออกเปิดตัวครั้งแรกบนเวทีแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะค่าตัวที่เอาเรื่อง หรือว่ารูปลักษณ์ที่ดุดันกันแน่ แม้ว่าตัวรถจะอิงอยู่บนพื้นฐานของมูร์ซิเอลาโก LP640 แต่ในเรื่องของรายละเอียดรอบคันได้รับการออกแบบใหม่ โดยเฉพาะรูปลักษณ์ด้านหน้า ซึ่งเส้นสันเหลี่ยมรอบคันและได้รับแรงบันดาลใจ มาจากเครื่องบินขับไล่อย่าง F-22 Raptor โดยงานทั้งหมดเป็นหน้าที่ของศูนย์ออกแบบ Centro Stile ของลัมบอร์กินีใน Sant'Agata เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี
ตัวรถเป็นแบบสปอร์ต 2 ที่นั่งมีความยาว 4,700 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,665 มิลลิเมตร ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือ โครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถังได้รับการผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อช่วยลดน้ำหนักให้กับตัวรถ ยกเว้นหลังคาและชิ้นส่วนด้านนอกของประตูที่ยังเป็นเหล็ก นั่นจึงทำให้เรเวนตันมีน้ำหนักไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิงและของเหลว (Dry Weight) ลดลง แต่ก็ยังลดไม่มากอย่างที่คิดมีตัวเลขอยู่ที่ 1,665 กิโลกรัม เสริมหล่อด้วยล้อแม็กลาย พิเศษขนาด 18 นิ้ว ด้านหน้าจับคู่กับยางขนาด 245/35ZR18 ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 335/30ZR18 ในขณะที่สีตัวถังเป็นโทนพิเศษที่เรียกว่า Grey Barra เป็นสีเทาที่มีความแวววาวและสวยสะดุดตากว่าสีเทาแบบปกติ
สำหรับในห้องโดยสารถือว่าถูกใจบรรดาผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ตแบบดิบๆ เพราะมีการออกแบบ ใหม่เพื่อให้ได้สัมผัสแบบเดียวกับรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งทรงบักเก็ตซีทแบบสปอร์ต แผงมาตรวัด ประกอบไปด้วย G-Meter สำหรับวัดค่าแรง G ที่เกิดขึ้นในขณะแล่นทะยาน และจอ LCD แบบ TFT Liquid 3 ตัวเพื่อแสดงผลต่างๆ รวมถึงการแสดงมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ในแบบดิจิตอล ซึ่งชุดมาตรวัดเหล่านี้ถูกล้อมกรอบด้วยโครงอะลูมิเนียมสลับกับแผงคาร์บอนไฟเบอร์
เครื่องยนต์ยังวางกลางลำและใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนเดิม โดยขุมพลังเป็นแบบเดียวกับ LP640 บล็อกวี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,500 ซีซี (6,496 ซีซี) ได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง เช่น การใช้ระบบ Dry Sump ซึ่งเอื้อประโยชน์ในเรื่องของประสิทธิภาพ การหล่อลื่นเครื่องยนต์แม้จังหวะเข้าโค้ง และจากการที่ระบบนี้ไม่มีอ่างน้ำมันเครื่อง ทำให้สามารถวางเครื่องยนต์ได้ต่ำลง และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ทางด้านพละกำลังนั้น ลัมบอร์กินีเปิดเผยว่าเครื่องยนต์วี12 รุ่นนี้มีกำลังสูงสุด 650 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 67.25 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ สู่การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลา มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.4 วินาที เร็วกกว่ารุ่น LP640 ซึ่งอยู่ที่ 3.8 ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในส่วนของระบบเบรกมีการอัพเกรดเพื่อสยบม้าฝูงโตด้วยดิสก์หน้าหลังแบบมีครีบและรูระบายความร้อน ด้านหน้าเป็นดิสก์ขนาด 380 มิลลิเมตร และด้านหลัง 350 มิลลิเมตร ส่วนใครที่อยากได้แบบหยุดทันใจไม่ต้องลุ้น ก็จ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับดิสก์แบบเซรามิกขนาด 380 มิลลิเมตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าราคาของเรเวนตันแพงเอาเรื่องถึง 1 ล้านยูโร ซึ่งก็พอจะสกรีนลูกค้า ได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าคนรวยไม่เคยสูญพันธุ์ไปจากโลกแถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะในตอนแรกทางลัมบอร์กินีระบุว่าจะมีการผลิตเพียงแค่ 20 คันเท่านั้น แต่สุดท้ายก็กลับลำหลังจากเห็นเศรษฐีสนใจกันถ้วนหน้า ก็เลยขยับขึ้นมาเป็น 100 คันแทน งานนี้หมดแล้วหมดเลย ไม่มีการไขก็อก 2 ออกมาให้เจ็บใจเล่น
|
|
|
|
|
|
|
|