|
|
|
|
Honda Freed อเนกประสงค์ทางเลือกใหม่
อีกผลผลิตที่แตกไลน์ออกมาจากพื้นฐานของฟิต หรือแจ๊ซใหม่ เมื่อฮอนด้าจัดการเพิ่มทางเลือกใหม่แห่งความอเนกประสงค์เพื่อรองรับกับความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้งในเรื่องการบรรทุกคนหรือสัมภาระด้วยรุ่นฟรีด (Freed) ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องการบรรทุกคนได้สูงสุดถึง 8 ที่นั่ง แม้จะเน้นตลาดอเนกประสงค์เหมือนกัน แต่แนวคิดของฟรีดแตกต่างจากแอร์เวฟซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับฟิต/แจ๊ซรุ่นที่แล้ว เพราะฟรีดมากับตัวถังแบบมินิแวนไม่ใช่สเตชันแวกอน และข่าวบางกระแสระบุว่า จะเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่นโมบิลิโอที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นมากนัก และแม้ว่าฟรีดจะได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับฟิต/แจ๊ซใหม่ แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของการยืดระยะฐานล้อเพื่อให้ตัวรถมีความกว้างขวางของห้องโดยสารเพื่อรองรับกับเบาะนั่ง 3 แถว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับฟรีดเห็นจะเป็นเรื่องขนาดตัวถังที่ดูจะไม่เหมาะสมกับขนาดของเครื่องยนต์ เพราะด้วยรูปทรงแบบมินิแวนที่มีความยาว 4,215 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,715มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร แต่ฮอนด้ายังใช้เครื่องยนต์ i-VTEC รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 4 สูบ SOHC 1,500 ซีซีที่วางอยู่ในฟิต หรือแจ๊ซใหม่มาวาง เพราะถ้าต้องแบกน้ำหนักตัวถังที่มีน้ำหนัก 1,300-1,400 กิโลกรัม (ยังไม่บรรทุก) แถมด้วยจำนวนผู้โดยสารและคนขับที่มากถึง 8 คน อีกทั้งในบางรุ่นยังต้องแบกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยกำลังสูงสุดของขุมพลัง L15A ที่ถูกผลิตออกมาแค่ 118 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบต่อนาทีอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
แต่ฮอนด้าเปิดเผยว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะจากการทดสอบตามมาตรฐานของรัฐบาลญี่ปุ่นในโหมด 10-15 ปรากฎว่าฟรีดมีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับที่ดีด้วยค่าเฉลี่ย 14.0-16.4 กิโลเมตรต่อลิตรขึ้นกับรุ่นย่อย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ในขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะก็ยังมีขายให้กับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย สำหรับความอเนกประสงค์ในห้องโดยสารถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้เพราะมีให้เลือกหลายแบบทั้งลูกค้าที่ไม่โลภมากในเรื่องการบรรทุกคน ก็สามารถสัมผัสกับเวอร์ชันสบายๆ แบบ 5 ที่นั่งกับเบาะแบบ Captain Seat หรือคนที่มีครอบครัวใหญ่ก็ยังเลือกได้กับเบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่ง หรือจะรองรับกับการบรรทุกคนแบบสุดขั้วรวม 8 ที่นั่ง ก็ยังมีให้เลือกกับเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้รองรับกับได้ 3 คน
โดยจะมาในรูปแบบ 2-3-3 ส่วนเรื่องการพับไม่ว่าจะเป็นเบาะแบบไหน ก็สามารถพับได้อย่างอเนกประสงค์เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร
ในส่วนของระบบกันสะเทือน ด้านหน้ามาในแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมคานตัว H ซึ่งมีขนาดกะทัดรัด และไม่กินพื้นที่ภายในห้องโดยสารด้านหลัง ส่วนระบบความปลอดภัยมากันครบ โดยเฉพาะการติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานในทุกรุ่นย่อย ส่วนระบบควบคุมการทรงตัว หรือ VSA เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
เปิดตัวแล้วในญี่ปุ่นสำหรับรุ่นธรรมดาซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,560,000-2,468,000 เยน หรือ 470,000-740,000 บาท โดยฮอนด้าตั้งเป้าในการขายเอาไว้ที่ 4,000 คันต่อเดือน ส่วนใครที่ต้องการรุ่นพิเศษที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับใช้กับคนพิการด้วยการปรับปรุงให้สามารถนำรถเข็นเข้าหรืออกจากทางห้องโดยสารผ่านทางฝากระโปรงหลังก็ต้องรออีก 1 เดือนถึงจะมีการทำตลาดด้วยราคา 2,250,000 เยน หรือ 675,000 บาท
Information refer from : http://www.manager.co.th/
|
|
|
|
|
|
|
|